ไส้เดือนฝอยกับวิธีกำจัดปลวกแบบธรรมชาติ
โดยปกติธรรมชาติจะมีวิธีการควบคุมสมดุลของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องรู้จักสังเกตุและหาความรู้จากแหล่งต่างๆที่ได้รวบรวมเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือการกำจัดปลวกด้วยเจ้าไส้เดือนฝอยนั่นเอง ซึ่งตัวมันมีขนาดที่เล็กมากๆ จนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า วิธีการกำจัดปลวกก็คือเราจะเอาไส้เดือนฝอยไปให้ปลวกกิน โดยการผสมน้ำแล้วราดลงไปในบริเวณที่มีปลวกอาศัยอยู่ เมื่อปลวกกินไส้เดือนฝอยเข้าไปอยู่ในท้องของปลวกมันจะขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานอย่างรวดเร็ว ปลวกซึ่งเป็นสัตว์เลือดเย็นก็จะป่วยและตายไปในที่สุด เมื่อปลวกตัวอื่นมากินซากของปลวกที่ตายแล้วที่มีไส้เดือนฝอยอยู่ในตัว มันก็จะติดไส้เดือนฝอยเข้าไปด้วยและติดต่อกันไปเรื่อยๆ เป็นวงจรแบบนี้ จนปลวกตายทั้งรัง โดยไม่ต้องกังวลว่าไส้เดือนฝอยจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมันจะมีผลต่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์เลือดเย็นเท่านั้น ในประเทศไทยเราสามารถพบไส้เดือนฝอยได้ในบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี โดยวิธีการใช้นั้นคือเราจะเอาไส้เดือนฝอยไปผสมน้ำประมาณถังน้ำ 20 ลิตรต่อไส้เดือนฝอยประมาณ 20-50 กรัม มากน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่จะเอาไปใช้กำจัดปลวก แล้วเอาไปฉีดหรือราดตามบริเวณที่ต้องการได้เลย ข้อควรระวังคืออย่าให้ไส้เดือนฝอยโดนแสงแดด เพราะมันอ่อนไหวต่อแสงแดดมากๆ ทางที่ดีจึงควรฉีดหรือราดน้ำไส้เดือนฝอยในเวลากลางคืน โดยปกติแล้วเจ้าไส้เดือนฝอยนั้นสามารถเก็บเอาไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 3 เดือนด้วยกัน ทำให้สามารถใช้ได้หลายครั้ง
...........................................................
วิธีกำจัดปลวกด้วยใบสัก
การกำจัดปลวกของคนในสมัยก่อนนั้นมักนิยมใช้สมุนไพรและใบไม้บางชนิดที่มีสรรพคุณในการกำจัดปลวก มากำจัดปลวกตามบ้านเรือนอย่างปลอดภัยและประหยัดเงิน ซึ่งใบไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถกำจัดปลวกได้และหลายคนยังไม่รู้นั่นคือ ใบสัก
วิธีง่าย ๆ กำจัดปลวกด้วยใบสัก
การกำจัดปลวกด้วยใบสักนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีทางธรรมชาติที่หลายคนนิยมทำกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ววิธีการนี้นิยมทำกันมานานมากแล้ว แต่อาจยังไม่แพร่หลาย เพราะบ้านไหนหาใบสักยาก ก็จะใช้วิธีอื่นแทน สำหรับวิธีการทำนั้นจะใช้ใบสัก 3 ชนิดบดรวมกัน คือ ใบสักแห้ง ใบสักร่วงหล่น และใบสักสด จำนวนอย่างละ 2 กรัม เมื่อบดรวมกันจนละเอียดแล้ว นำมาละลายน้ำในอัตราส่วน 5 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร นำไปฉีดพ่นบริเวณที่มีปลวกหรือเทราดลงบนรังปลวก ภายใน 15 นาทีเท่านั้น จะพบว่าปลวกตายยกลัง
ซึ่งนอกจากจะจัดการปลวกตายยกรังภายในเวลาไม่นานแล้ว ยังสามารถป้องกันปลวกขึ้นบ้านหรือมาสร้างรังใหม่ได้ด้วยการเทราดน้ำใบสักบดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรืออาจเพิ่มเป็นเดือนละ 1 ครั้งก็ได้หาพบว่าไม่มีปลวกแล้ว ปลวกจะไม่มีทางมากวนใจเราได้อีกเลย
นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีแสนง่ายที่มีความปลอดภัยมาก ๆ และประหยัดเงินเป็นที่สุด สามารถทำได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ เจ้าปลวกตัวร้ายที่เคยมากวนใจก็จะไม่สามารถกลับมาสร้างปัญหาหนักใจในเราและบ้านที่เรารักได้อีก…
..................................................................................
วิธีการกำจัดปลวกที่ปลอดภัย ทำได้เอง
เรื่องของปลวกนั้นเป็นปัญหาคู่บ้านของใครหลายท่าน ที่สร้างปัญหารบกวนใจให้มากเลยทีเดียว หากเจ้าปลวกตัวน้อยนี้เข้าไปทำรังหรือกัดกินอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ยิ่งเป็นตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ โต้ะไม้ เก้าอี้ หรืออะไรก็ตามคงจะยุ่งยากที่จะกำจัดหรือบางทีอาจจะต้องเสียเงินซื้อของใหม่มาเปลี่ยนเลยทีเดียว การกำจัดปลวกสามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธี คือ แบบใช้สารเคมี และแบบใช้สมุนไพร โดยแบบใช้สารเคมีส่วนใหญ่จะทำตอนระหว่างก่อสร้างและการใช้อาคารแล้ว ส่วนแบบสมุนไพรมักใช้ตอนมีปัญหาปลวกเข้าบ้านแล้ว ซึ่งการกำจัดปลวกด้วยสารเคมีนั้นมักจะต้องใช้บริการจากบริษัทกำจัดปลวก ซึ่งจะได้ผล หรือไม่ได้ผลนั้นมักจะขึ้นกลับความเป็นมืออาชีพ หรือสมัครเล่นของบริษัทที่เราจ้างมาเป็นหลัก
เราจะมาดูกันว่าเมื่อเจ้าปลวกมันได้เข้ามาบุกรุกภายในบ้านแล้ว เราจะมีวิธีการกำจัดด้วยตัวเองได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อคนภายในบ้านด้วย วิธีการแรกคือการใช้ สารเคมีสมุนไพรสกัด ของ รศ.ดร.สุรพล วิเศษสรรค์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งสมุนไพรสกัดนี้จะมีผลทำให้ปลวกค่อยๆ อ่อนแอลง ตัวที่แข็งแรงก็จะมากัดกินตัว ที่อ่อนแอ ทำให้สารแพร่กระจาย ในรังของมันโดยอัตโนมัติ ปริมาณประชากรปลวก จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนตาย ไปในที่สุด ผลงานวิจัยนี้ จะถ่ายทอดและให้นำไปใช้กันในครัวเรือนได้ โดยติดต่อ ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2579-1022 ต่อ 221 หรือ 0-9980-4983 อีกวิธีการที่นิยมใช้กันคือ ไส้เดือนฝอยผสมน้ำแล้วฉีดหรือราดที่บริเวณที่ปลวกทำรังอยู่ โดยใช้ไส้เดือนฝอยเป็นเหยื่อให้ปลวกกิน โดยมีหลักการคล้ายกับสมุนไพรสกัดคือทำให้ปลวกค่อยๆ อ่อนแอลงและตายเมื่อตัวอื่นมากินตัวที่ตายก็จะติดไส้เดือนฝอยไปเรื่อยๆ จนตายยกรังเลยทีเดียว ลองนำทั้งสองวิธีนี้ไปใช้ดูนะครับ
..........................................................................
น้ำส้มควันไม้กับความสามารถในการกำจัดปลวก
การจัดการกับเจ้าปลวกตัวปัญหานั้น เป็นเรื่องที่หลายคนพยายามคิดหาวิธีการดี ๆ ที่จะจัดการได้แบบปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสมาชิกภายในบ้านและเจ้าปลวกถูกจัดการเรียบ ไม่กลับมาสร้างความหนักใจ ซึ่งปัจจุบันมีวิธีในการจัดการกับเจ้าปลวกตัวแสบหลายวิธีด้วยกันและหนึ่งในวิธีที่สามารถจัดการกับเจ้าปลวกทั้งหลายได้ผลเป็นอย่างดี ได้แก่ น้ำส้มควันไม้ปราบปลวก
น้ำส้มควันไม้ เป็นของเหลวเหนี่ยวข้นที่เกิดจากการควบแน่นและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจากการเผาถ่าน ซึ่งน้ำส้มควันไม้ที่ได้จะมีสีน้ำตาลออกแดง ก่อนนำมาใช้งานต้องใช้ภาชนะทิ้งไว้ก่อน 3 เดือน
วิธีการใช้น้ำส้มควันไม้นั้น เพียงแค่นำน้ำส้มควันไม้ที่เก็บใส่ภาชนะไว้แล้ว 3 เดือนมาผสมกับน้ำให้เกิดความเจือจาง ในอัตราส่วนน้ำส้มควันไม้ต่อน้ำ 20 เท่า เพราะน้ำส้มควันไม้มีความเข้มข้นสูงมาก จากนั้นนำน้ำที่ผสมแล้วใส่ในกระบอกฉีดและฉีดลงไปบริเวณที่มีปลวกอยู่ หรือนำน้ำส้มควันไม้เทราดลงไปบริเวณรังหากต้องการกำจัดทั้งรัง ทำซ้ำอย่างนี้โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 3 วัน ทำจนไม่พบตัวปลวก
ในกรณีข้างต้นนี้เป็นการกำจัดปลวกแบบที่พบรังปลวก หากไม่พบรังปลวกให้นำน้ำส้มควันไม้ที่ผสมแล้วเทราดลงไปบริเวณโคนเสาบ้านหรือบริเวณที่บ้านเชื่อมต่อกับดิน ทำซ้ำแบบนี้โดยทิ้งระยะห่าง 3 วัน ทำจนไม่พบตัวปลวกเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะสามารถจัดการปลวกได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังสามารถป้องกันปลวกได้อีกด้วย…
.................................................................
ขี้เหล็ก สุดยอดนักกำจัดปลวก
ในประเทศไทยเราจะพบไม้ขี้เหล็กในแทบทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคใต้ ชาวบ้านนิยมปลูกไม้ขี้เหล็กเป็นไม้ให้ร่มและเป็นไม้ประดับ ขึ้นได้ในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี ประโยชน์ของขี้เหล็กนั้นใช้ได้แทบจะทุกส่วนของต้นเริ่มเช่น ดอก รักษาโรคเส้นประสาท นอนไม่หลับ ขับพยาธิ ส่วนราก รักษาไข้ รักษาโรคเหน็บชา หรือจะเป็นลำต้นและกิ่ง ก็เป็นยาระบาย รักษาโรคผิวหนัง แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ ขับระดูขาว เป็นต้น
ส่วนสารเคมีในใบขี้เหล็ก ที่จะนำมากำจัดปลวกนั้น พบว่ามีสารกลุ่มโครโมน (Chromone) ซึ่งมีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้นอนหลับ และกลุ่ม anthraquinones ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายหรือระบาย เป็นต้น ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ขี้เหล็กมีทั้งประโยชน์และโทษ การบริโภคขี้เหล็กโดยนำมาต้ม และทิ้งน้ำก่อนนำมาแกง จะเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดปริมาณความเข้มข้นของสารพิษในขี้เหล็กได้และทำให้ปลอดภัยในการนำมารับประทาน ในการนำมาใช้กำจัดปลวกนั้นเราไม่จำเป็นต้องต้มเอาสารพิษออก เพราะต้องการความเข้มข้นของสารพิษนั้นในการมาใช้งาน และมีขั้นตอนคือ นำใบขี้เหล็กประมาณ1 ขีด นำไปบดหรือปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำจำนวน 1 ลิตร กรองเฉพาะน้ำออกแล้วนำไปฉีดพ่นปลวก ก็จะตายในเวลาไม่นาน แต่ถ้าเพิ่มปริมาณใบขี้เหล็กให้มากขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดปลวกของใบขี้เหล็กให้มากขึ้น เพราะสารพิษในขี้เหล็กจะออกมามาก ทำให้ออกฤทธิ์ได้ไว โดยไม่เป็นอันตรายต่อคนยกเว้นว่าท่านอย่าไปดื่มน้ำที่กรองได้จากใบขี้เหล็กเท่านั้น ลองนำไปทำกันดูนะครับ
……………………………………………………………………………….
กำจัดปลวกด้วยสารสกัดสมุนไพรปลอดภัยกันทั้งบ้าน
ประเทศไทยถือว่าโชคดีมากที่มีพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดกระจายตัวอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ และมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณสามารถใช้กำจัดปลวกได้ดี เช่น ขมิ้นชัน เมล็ดน้อยหน่า สาบเสือ หญ้าแห้วหมู เปลือกมังคุด ไม้ฉำฉา โกงกาง สมุนไพรเหล่านี้ถ้าอยู่ในรูปของต้นพืชสมุนไพรจะไม่สามารถนำมาใช้กำจัดปลวกได้โดยตรง เพราะมีสารประกอบจำนวนมาก จึงจะต้องมีการสกัดออกมา เมื่อได้สารสกัดออกมาแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทันที โดยมีคุณสมบัติไปมีผลทำลายวงจรชีวิตของปลวก ลดขบวนการย่อยอาหาร ยับยั้งการลอกคราบ ลดการฟักไข่ของนางพญา ตัดวงจรการสืบพันธุ์ทำให้ขยายพันธ์ต่อไปไม่ได้อีก เรียกได้ว่าเป็นการทำลายวงจรชีวิตของปลวกได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ การใช้สารสกัดจากสมุนไพรในปัจจุบันนี้เป็นผลการวิจัยของ รศ. ดร.สุรพล วิเศษสรรค์ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้มีผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพรกำจัดปลวก 3 ตัวหลักๆคือ Terminate , Terminus , Termina Oil ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน และพื้นที่ที่ใช้ซึ่งหากสนใจก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก internet ได้ โดยข้อดีของการใช้สารสกัดสมุนไพรกำจัดปลวกคือ ไม่ทำให้ปลวกดื้อยา เพราะทำมาจากพืชธรรมชาติ และปลอดภัยต่อคน
นอกจากวิธีการกำจัดปลวกโดยใช้สารเคมีที่นิยมทำกันและมีรับจ้างให้เห็นกันอยู่ทั่วไปแล้ว ถ้าเราลองหันกลับมาใช้วิธีการธรรมชาติโดยสมุนไพร หรือวิธีการอื่นเช่นน้ำผสมไส้เดือนฝอย ก็น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะกำจัดปลวก แบบถอนรากถอนโคนได้ดีอีกวิธีหนึ่ง ไม่ต้องกลัวปลวกจะดื้อยาจากสารเคมีที่อันตรายและยังปลอดภัยต่อคนภายในบ้านอีกด้วย
.................................................................................
การป้องกันปลวกโดยไม่ใช้สารเคมี
เมื่อเราทำการกำจัดปลวกได้อย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหาวิธีการไม่ให้เจ้าปลวกนั้นกลับมาอีกหรือป้องกันไม่ให้ปลวกสามารถมาทำลายสิ่งของของเราได้อีกในเวลาอันรวดเร็ว วันนี้จึงมีวิธีการป้องกันปลวกโดยไม่ใช้สารเคมีมาแนะนำกันครับ โดยเริ่มจากการใช้แผ่นโลหะที่มีผิวลื่น เช่น แผ่นอลูมิเนียม มาใช้เป็นแนวป้องกันไว้รอบๆเสา หรือรอยต่อกับส่วนที่เป็นโครงสร้างไม้ เพื่อขวางกั้นเส้นทางเดินของปลวกจากพื้นดินเข้าสู่อาคาร และใช้วัสดุอื่นๆ เช่น เศษหินบท เศษแก้วบด หรือแผ่นตะแกรงโลหะ ปูรองพื้นอาคารในส่วนที่ติดพื้นดิน ทั้งหมด นอกจากนี้เรายังป้องกันและกำจัดปลวกโดยใช้สารเคมีจากสมุนไพรหรือไส้เดือนฝอย มาช่วยยับยั้งการเข้ามาของปลวกได้อีกทางหนึ่ง
สมุนไพรที่สามารถกำจัดปลวก จะสกัดจากพืชสมุนไพรไทย เช่น หางไหล ตระไคร้ หอม ข่า ขมิ้นชัน หัวแห้วหมู พริกขี้หนู เมล็ดงา และใบสาบเสือ ฯ สมุนไพรเหล่านี้ เป็นพืชที่ปลวกไม่สามารถสร้างกลไก ในการย่อยสลายสารสำคัญจากพืชเหล่านี้ได้ มีผลในการควบคุมประชากรปลวกโดยตรง ทำให้กลไกการทำงานในตัวปลวกเกิดความผิดปกติ เช่น ไปยับยั้งการเจริญเติบโตของตัวอ่อน การวางไข่ การอยากกินอาหาร ตลอดถึงการลดการพัฒนาการของจุลินทรีย์ในลำไส้ของปลวก ทำให้ปลวกเกิดอาการป่วยและตายในที่สุด ปลวกตัวที่เหลือก็จะป่วยติดต่อกันไป จนตายยกรังในที่สุด ทั้งการเตรียมรับมือกับการจัดการบริเวณบ้านไม่ให้เอื้ออำนวยต่อการสร้างรังและอาหารของปลวกแล้ว การใช้สารสกัดสมุนไพรร่วมด้วย ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่ทุกคนสามารถนำไปทำได้เองเลยนะครับ
.........................................................................................
เชื้อราเขียวฆ่าปลวกตายยกลัง
ปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านทุกคนคงไม่พ้นเจ้าปลวกตัวเล็กที่คอยกวนใจ ซึ่งปัญหาที่สำคัญกว่าคือจะหาวิธีการไหนที่จะสามารถจัดการเจ้าปลวกได้อย่างอยู่หมัดและไม่กลับมากวนใจเราได้อีก
เชื้อราเขียว จัดการปลวกอยู่หมัด
เชื้อราเขียว หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ เชื้อราเมตาไรเซียม เป็นจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กมาก สามารถพบได้ในดิน เป็นเชื้อราที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของเชื้อราเขียวคือการทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ในแมลง ซึ่งปัจจุบันเชื้อราเขียวมีขายทั่วไป สามารถหาซื้อมาจัดการเจ้าปลวกตัวเล็กที่บ้านได้ด้วยตัวเอง
วิธีการจัดการปลวกด้วยเชื้อราเขียว
วิธีที่ 1 นำเชื้อราเขียวคุกกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก หมักทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน จากนั้นนำเชื้อราเขียวผสมมูลสัตว์ใส่ลงไปในหลุมที่ขุดไว้ลึกประมาณ 20 – 30 ซม. แล้วกลบด้วยดิน ทำซ้ำและตรวจสอบจนไม่พบตัวปลวก สำหรับผสมมูลสัตว์นั้นห้ามใช้มูลไก่ เพราะมูลไก่อาจทำให้เชื้อราร้อนเกินไป
วิธีที่ 2 นำเชื้อราเขียวผสมน้ำให้ได้ตามสัดส่วน คือ เชื้อราเขียว 30 กรัมต่อน้ำ 10 – 15 ลิตร แล้วเทลาดบริเวณที่พบรังปลวกหรือบริเวณต่าง ๆ ของบ้าน
นับว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและปลอดภัย สามารถจัดการปลวกได้อยู่หมัดอีกหนึ่งวิธี ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝากนี้ ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ใช้เวลาไม่นานและไม่พบว่ามีปลวกมากวนใจอีก…
ที่มา : http://bug.9plaza.com/